วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

16. จริยธรรมของนักปกครองและจรรยาบรรณ

                 
                                จริยธรรมของนักปกครองและจรรยาบรรณ



            จริยธรรม ( Ethical Rules) คือ ประมวลกฎเกณฑ์ความประพฤติ คำว่าจริยธรรมนั้น ในบางครั้งก็ใช้แทนคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม
            จริยธรรม คือ หลักแห่งความประพฤติที่ชอบธรรมหรือเป็นหลักปฏิบัติที่ได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรเราสามารถศึกษาจริยธรรมของสังคมหนึ่งๆ ได้จากขนบประเพณีวัฒนธรรม หลักศีลธรรม เป็นต้น
            ส่วนการเมืองการปกครองนั้น เป็นเรื่องของการใช้อำนาจบังคับ ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของรัฐ การเมืองการปกครองเป็นเรื่องของการตัดสินใจตกลงใจ หรือกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาสังคมหรือจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าต่างๆ ให้แก่สังคม เช่น อำนาจหน้าที่ตำแหน่ง เศรษฐกิจ ฐานะทางสังคม ตลอดจนการใช้ทรัพยากร
            จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง โดยทั่วไปมีความหมายแบ่งออกเป็นสองนัยคือ
          1. จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง หมายถึง หลักปฏิบัติ หรือคุณธรรมในการปกครองทั่วๆไปซึ่งเป็นคุณธรรมของฝ่ายปกครองที่ต้องยึดถือปฏิบัติ ให้แก่ฝ่ายรับการปกครองทำงานได้อย่างปกติสุข
          2. จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง หมายถึง ปรัชญาในทางการเมืองการปกครอง ซึ่งนักปรัชญาทั้งหลายได้ให้แนวคิดหลักการและเหตุผลทางการเมืองการปกครองที่ควรจะเป็นจริยธรรมในการปกครอง ยังมีความหมายรวมถึง จริยธรรมในการควบคุมหรือปกครองตนเองและจริยธรรมในการปกครองผู้อื่นด้วย
            นักปราชญ์แต่ละยุคแต่ละสมัยได้พยายามคิดค้น จริยธรรมในการปกครองที่เหมาะสมกับสภาพของสังคมแต่ละสังคมเสมอเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาปรับปรุง สังคมให้ดีขึ้น
            Socrates ถือว่าผู้ที่จะเจริญทางจิตใจได้ จะต้องมีคุณธรรมประจำใจเพื่อใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิต คุณธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคิด หรือทำสิ่งใด การมีคุณธรรมก็คือการเป็นผู้มีศีลธรรม และมีความรู้นั่นเอง
            Plato ถือว่า การมีคุณธรรมก็คือ การยึดมั่นในสิ่งที่ดีงาม ทำหน้าที่ของตนตามความเหมาะสม การปกครองที่ดีก็คือ การปกครองที่ก่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคมสมาชิกในสังคมจะต้องแบ่งหน้าที่กันทำ เนื่องจากคนเรามีความสามารถเหมาะสำหรับงานเฉพาะอย่าง และควรทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ผู้ปกครองควรเป็นผู้มีปัญญา และมีเหตุผล ส่วนประชาชนผู้ผลิตควรตั้งหน้าตั้งตาประกอบอาชีพของตน ทุกฝ่ายจะต้องรู้จักควบคุมตนเองและยอมรับสภาพของตน
            Aristotle ถือว่า มนุษย์เราจะดำรงชีวิตได้ด้วยดี และจะสามารถพัฒนาจิตใจหรือปัญญาของตนได้เต็มที่ ก็ต่อเมื่อเข้ามาอยู่ในรัฐแล้วเท่านั้น การปกครองในรัฐที่ดีจะต้องก่อให้เกิดความยุติธรรม ที่จัดสรรไว้ตามส่วนต่างๆ ของสังคม ซึ่งอาจจะไม่เท่าเทียมเพราะคนเรามีความสามารถและมีส่วนที่ให้แก่สังคมต่างกัน
            ระบบการปกครองที่ดีสามารถก่อให้เกิดความยุติธรรมและทำการปกครองเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวมได้ จึงมีเพียงระบบราชาธิปไตยซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมประการหนึ่ง ระบบอภิชนาธิปไตยซึ่งปกครองโดยคนจำนวนน้อยที่ทรงคุณธรรมประการหนึ่งและระบบประชาธิปไตยที่ถือทางสายกลาง ซึ่งปกครองประชาชนที่ทรงคุณธรรมอีกประการหนึ่งส่วนการปกครองที่เลวนั้น คือการปกครองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้ปกครองเองได้แก่การปกครองแบบทรราชย์ แบบคณาธิปไตยและการปกครองโดยฝูงชน
            หลักในการปกครองที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง คือ จะต้องทำการปกครองเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายรับการปกครองมากกว่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของฝ่ายปกครองคือ จะต้องปกครองเพื่อผลประโยชน์ของราษฎรส่วนใหญ่ในสังคมด้วยความชอบธรรมประชาราษฎร์จึงจะอยู่ดีมีสุข
                                              
 จรรยาบรรณของนักรัฐศาสตร์ มีจรรยาบรรณดังต่อไปนี้
          1. รับใช้ชาติและประชาชน
          2. พึงเป็นผู้รอบรู้ในวิทยาการอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางโดยมิเพียงแต่รอบรู้ด้านทฤษฎี หากจะต้องรู้ซึ่งถึงบริษัทในสังคมที่ปฏิบัติงานเพื่ออาชีพนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจรัฐโดยปราศจากความรู้และความเข้าใจในประชาสังคมอย่างแท้จริง
          3. พึงตั้งอยู่ในสุจริต 3 ประการคือ กาย วาจา ใจและมีฉันทะที่จะระงับความเดือดร้อนของมหาชน
          4. พึงมีศรัทธาและความเชื่อมั่นในเกียรติศักดิ์ศรีและความสามารถในการเข้าถึงเหตุผลของเพื่อนมนุษย์
          5. มีวิริยะอุตสาหะพยายามพากเพียรและภักดีต่อชาติและประชาชนทั้งนี้ ชาติ หมายความรวมถึงสถาบันหลักทุกสถาบันอันได้แก่ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
          6. หมั่นศึกษาสัมผัสและสัมพันธ์กับประชาชนเพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาและประสบการณ์ของประชาชนและนำความรู้ประสบการณ์ดังกล่าวมาใช้ประกอบการตัดสินใจและการปฏิบัติงาน
          7. พึงยึดมั่นทั้งในหลักนิติธรรมและหลักประชาธิปไตย อีกทั้งยึดหลักการดำเนินงานว่าจะต้องถูกต้องทางศีลธรรมทั้งด้านเป้าหมายและวิธีการ
          8. พึงถือว่าการปฏิบัติงานหรือการใช้อำนาจรัฐนั้นเป็นไปเพื่อรับใช้ชาติและประชาชนมิใช่เพื่อรับใช้รัฐและองค์กรของรัฐ
          9. พึงถือว่าการปฏิบัติงานหรือการใช้อำนาจนั้นเป็นไปเพื่อรับใช้สาธารณะโดยมิได้ถือเป็นอาชีพที่จะก่อให้เกิดความมั่งคั่งเหมือนกับการประกอบวิชาชีพอื่น
          10. พึงมีทัศนะต่ออำนาจรัฐว่าจะต้องมีอยู่โดยมีพลังที่จำกัดและเหนี่ยวรั้งอำนาจสำคัญและจำเป็นโดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเจริญเติบโตของพลังเหล่านั้นที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสันติวิธีด้วยความบริสุทธิ์ใจ
          11. มีความยุติธรรม
          12. เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของประชาชน
          13.   มิควรใช้วิชาชีพเพื่อแสวงหาอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ
          14. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อส่งเสริมสนับสนุนระบอบการเมืองแบบเผด็จการ
          15. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อเพิ่มพูนอำนาจความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรของตนโดยไม่คำนึงถึงประชาชนผู้รับบริการขององค์กรนั้น
          16. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อทำลาย สลาย หรือลดการตื่นตัวและความกระตือรือร้นของประชาชนที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองและการบริหาร
          17. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ
          18. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อโดยนำเอาหลักการเพียงบางส่วนหรือนำเอา “ความสะดวกทางการเมืองการบริหาร”มาใช้โดยละเลยหลักนิติธรรมและหลักประชาธิปไตย
                                             
                                          
                          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น