จริยธรรมของนักปกครองและจรรยาบรรณ
จริยธรรม ( Ethical Rules) คือ ประมวลกฎเกณฑ์ความประพฤติ คำว่าจริยธรรมนั้น ในบางครั้งก็ใช้แทนคำว่า คุณธรรม หรือศีลธรรม
จริยธรรม คือ หลักแห่งความประพฤติที่ชอบธรรมหรือเป็นหลักปฏิบัติที่ได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็นสิ่งที่ถูกที่ควรเราสามารถศึกษาจริยธรรมของสังคมหนึ่งๆ ได้จากขนบประเพณีวัฒนธรรม หลักศีลธรรม เป็นต้น
ส่วนการเมืองการปกครองนั้น เป็นเรื่องของการใช้อำนาจบังคับ ให้เป็นไปตามข้อบัญญัติของรัฐ การเมืองการปกครองเป็นเรื่องของการตัดสินใจตกลงใจ หรือกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาสังคมหรือจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าต่างๆ ให้แก่สังคม เช่น อำนาจหน้าที่ตำแหน่ง เศรษฐกิจ ฐานะทางสังคม ตลอดจนการใช้ทรัพยากร
จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง โดยทั่วไปมีความหมายแบ่งออกเป็นสองนัยคือ
1. จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง หมายถึง หลักปฏิบัติ หรือคุณธรรมในการปกครองทั่วๆไปซึ่งเป็นคุณธรรมของฝ่ายปกครองที่ต้องยึดถือปฏิบัติ ให้แก่ฝ่ายรับการปกครองทำงานได้อย่างปกติสุข
2. จริยธรรมทางการเมืองการปกครอง หมายถึง ปรัชญาในทางการเมืองการปกครอง ซึ่งนักปรัชญาทั้งหลายได้ให้แนวคิดหลักการและเหตุผลทางการเมืองการปกครองที่ควรจะเป็นจริยธรรมในการปกครอง ยังมีความหมายรวมถึง จริยธรรมในการควบคุมหรือปกครองตนเองและจริยธรรมในการปกครองผู้อื่นด้วย
นักปราชญ์แต่ละยุคแต่ละสมัยได้พยายามคิดค้น จริยธรรมในการปกครองที่เหมาะสมกับสภาพของสังคมแต่ละสังคมเสมอเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาปรับปรุง สังคมให้ดีขึ้น
Socrates ถือว่าผู้ที่จะเจริญทางจิตใจได้ จะต้องมีคุณธรรมประจำใจเพื่อใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิต คุณธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการคิด หรือทำสิ่งใด การมีคุณธรรมก็คือการเป็นผู้มีศีลธรรม และมีความรู้นั่นเอง
Plato ถือว่า การมีคุณธรรมก็คือ การยึดมั่นในสิ่งที่ดีงาม ทำหน้าที่ของตนตามความเหมาะสม การปกครองที่ดีก็คือ การปกครองที่ก่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคมสมาชิกในสังคมจะต้องแบ่งหน้าที่กันทำ เนื่องจากคนเรามีความสามารถเหมาะสำหรับงานเฉพาะอย่าง และควรทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ผู้ปกครองควรเป็นผู้มีปัญญา และมีเหตุผล ส่วนประชาชนผู้ผลิตควรตั้งหน้าตั้งตาประกอบอาชีพของตน ทุกฝ่ายจะต้องรู้จักควบคุมตนเองและยอมรับสภาพของตน
Aristotle ถือว่า มนุษย์เราจะดำรงชีวิตได้ด้วยดี และจะสามารถพัฒนาจิตใจหรือปัญญาของตนได้เต็มที่ ก็ต่อเมื่อเข้ามาอยู่ในรัฐแล้วเท่านั้น การปกครองในรัฐที่ดีจะต้องก่อให้เกิดความยุติธรรม ที่จัดสรรไว้ตามส่วนต่างๆ ของสังคม ซึ่งอาจจะไม่เท่าเทียมเพราะคนเรามีความสามารถและมีส่วนที่ให้แก่สังคมต่างกัน
ระบบการปกครองที่ดีสามารถก่อให้เกิดความยุติธรรมและทำการปกครองเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวมได้ จึงมีเพียงระบบราชาธิปไตยซึ่งปกครองโดยกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมประการหนึ่ง ระบบอภิชนาธิปไตยซึ่งปกครองโดยคนจำนวนน้อยที่ทรงคุณธรรมประการหนึ่งและระบบประชาธิปไตยที่ถือทางสายกลาง ซึ่งปกครองประชาชนที่ทรงคุณธรรมอีกประการหนึ่งส่วนการปกครองที่เลวนั้น คือการปกครองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้ปกครองเองได้แก่การปกครองแบบทรราชย์ แบบคณาธิปไตยและการปกครองโดยฝูงชน
หลักในการปกครองที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง คือ จะต้องทำการปกครองเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายรับการปกครองมากกว่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของฝ่ายปกครองคือ จะต้องปกครองเพื่อผลประโยชน์ของราษฎรส่วนใหญ่ในสังคมด้วยความชอบธรรมประชาราษฎร์จึงจะอยู่ดีมีสุข

จรรยาบรรณของนักรัฐศาสตร์ มีจรรยาบรรณดังต่อไปนี้
1. รับใช้ชาติและประชาชน
2. พึงเป็นผู้รอบรู้ในวิทยาการอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางโดยมิเพียงแต่รอบรู้ด้านทฤษฎี หากจะต้องรู้ซึ่งถึงบริษัทในสังคมที่ปฏิบัติงานเพื่ออาชีพนั้นด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นจากการใช้อำนาจรัฐโดยปราศจากความรู้และความเข้าใจในประชาสังคมอย่างแท้จริง
3. พึงตั้งอยู่ในสุจริต 3 ประการคือ กาย วาจา ใจและมีฉันทะที่จะระงับความเดือดร้อนของมหาชน
4. พึงมีศรัทธาและความเชื่อมั่นในเกียรติศักดิ์ศรีและความสามารถในการเข้าถึงเหตุผลของเพื่อนมนุษย์
5. มีวิริยะอุตสาหะพยายามพากเพียรและภักดีต่อชาติและประชาชนทั้งนี้ ชาติ หมายความรวมถึงสถาบันหลักทุกสถาบันอันได้แก่ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
6. หมั่นศึกษาสัมผัสและสัมพันธ์กับประชาชนเพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาและประสบการณ์ของประชาชนและนำความรู้ประสบการณ์ดังกล่าวมาใช้ประกอบการตัดสินใจและการปฏิบัติงาน
7. พึงยึดมั่นทั้งในหลักนิติธรรมและหลักประชาธิปไตย อีกทั้งยึดหลักการดำเนินงานว่าจะต้องถูกต้องทางศีลธรรมทั้งด้านเป้าหมายและวิธีการ
8. พึงถือว่าการปฏิบัติงานหรือการใช้อำนาจรัฐนั้นเป็นไปเพื่อรับใช้ชาติและประชาชนมิใช่เพื่อรับใช้รัฐและองค์กรของรัฐ
9. พึงถือว่าการปฏิบัติงานหรือการใช้อำนาจนั้นเป็นไปเพื่อรับใช้สาธารณะโดยมิได้ถือเป็นอาชีพที่จะก่อให้เกิดความมั่งคั่งเหมือนกับการประกอบวิชาชีพอื่น
10. พึงมีทัศนะต่ออำนาจรัฐว่าจะต้องมีอยู่โดยมีพลังที่จำกัดและเหนี่ยวรั้งอำนาจสำคัญและจำเป็นโดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเจริญเติบโตของพลังเหล่านั้นที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างสันติวิธีด้วยความบริสุทธิ์ใจ
11. มีความยุติธรรม
12. เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของประชาชน
13. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อแสวงหาอำนาจ ลาภ ยศ สรรเสริญ
14. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อส่งเสริมสนับสนุนระบอบการเมืองแบบเผด็จการ
15. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อเพิ่มพูนอำนาจความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรของตนโดยไม่คำนึงถึงประชาชนผู้รับบริการขององค์กรนั้น
16. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อทำลาย สลาย หรือลดการตื่นตัวและความกระตือรือร้นของประชาชนที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองการปกครองและการบริหาร
17. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ
18. มิควรใช้วิชาชีพเพื่อโดยนำเอาหลักการเพียงบางส่วนหรือนำเอา “ความสะดวกทางการเมืองการบริหาร”มาใช้โดยละเลยหลักนิติธรรมและหลักประชาธิปไตย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น